พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯผู้มีจิตศรัทธา นักเรียนทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ และสื่อมวลชน

ขอขอบใจในการที่ได้จัดงานกุศลสำาหรับสมทบทุนในมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ แล้วก็ทุกท่านได้บริจาคเพิ่มเติมขึ้นมาเป็นจำานวนไม่น้อย

การที่มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ได้รับทุนต่างๆ มาดำาเนินงานก็เป็นการช่วยเหลืออย่างยิ่งเพราะว่าทางมูลนิธินี้ก็มีงานที่สำาคัญที่จะตัดภาระตัดหน้าที่ไว้ให้ตัวเองว่า “อุปการะผู้ที่ประสบภัยธรรมชาติร้ายแรง” การที่ต้องช่วยผู้ที่ประสบภัยนี้เป็นสิ่งสำาคัญอย่างยิ่ง ในการดำาเนินชีวิตของประเทศเพราะว่าภัยธรรมชาตินั้นคาดหมายไม่ได้แล้ว ก็ถ้าคาดหมายไม่ได้ ก็ไม่ทราบว่าจะพึ่งใคร เราจึงต้องมีทุนเอาไว้เพื่อที่จะช่วยเหลือ

ช่วยเหลือนี้มีทางสองอย่างที่สำาคัญ คือช่วยเหลือในทางสิ่งของในทางเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งจะต้องมอบให้แล้วก็ในทางที่จะอุปการะในเรื่องการทำางาน ทำาอาชีพต่อไปของผู้ที่ประสบภัย ทั้งนี้ต้องใช้ทรัพย์เป็นจำานวนมากอยู่เสมอแล้วต้องมีทรัพย์ที่จะไว้สำาหรับใช้ในเวลาฉุกเฉินอีก การที่ผู้บริจาคมีใจกุศลเช่นนี้ ก็นับว่าเป็นทางหนึ่งที่ได้สร้างความมั่นคง ของชาติบ้านเมือง เพราะว่าเป็นประกันแก่ผู้ที่จะประสบภัยว่าจะมีผู้ช่วยเหลือ

ในงานของราชประชานุเคราะห์ฯ นี้ ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่สำาคัญมาก คือ กำาลังคน กำาลังแรงของผู้ที่จะไปช่วย ในด้านเข้าไปช่วยโดยตรงคือผู้ที่ไปสงเคราะห์ ผู้ที่ไปเป็นผู้อาสาสมัครแล้วก็โดยเฉพาะในด้านจัดการให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ในด้านบริหารงานทุกด้านนี้ก็ต้องอาศัยกำาลังคนที่มีความเฉลียวฉลาดจึงขอฝากขอบใจและชมเชยผู้ที่ได้เสียสละแรงของตัว เพื่อให้งานของมูลนิธิดำาเนินไปด้วยดี เชื่อว่าการที่ทุกคนได้ร่วมมือทั้งได้ร่วมกันในทางเสียสละแรงของตัว และทรัพย์ของตัวเพื่อช่วยส่วนรวมนั้น เป็นกุศลที่จะส่งให้แต่ละคนมีความเจริญก้าวหน้า แล้วก็มีความปลอดภัยด้วยเพราะว่าจุดประสงค์ของมูลนิธินี้คือความปลอดภัยของส่วนรวม ทุกคนจึงจะได้รับความปลอดภัยเป็นส่วนตัวด้วย

ขอให้ทุกคนที่มีความเพียรพยายามในงานการของตัว และได้มีใจกุศลบริจาคจงประสบแต่ความก้าวหน้า ความสุขในจิตใจของตัว ขอให้มีกำาลังใจ กำาลังกายปฏิบัติงานของตัวให้เป็นผลดีแก่กิจการของตนเองและเพื่อความก้าวหน้าของส่วนรวม ขอให้ทุกคนประสบแต่ความสุขใจและเพ่ิมพูนความก้าวหน้าความปลอดภัย และความเจริญรุ่งเรือง.