พระราชดำารัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ และอาสาสมัครมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ
บัดนี้ ได้มอบเงินที่มีผู้บริจาคให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ในคราวนี้ ให้แก่ประธานกรรมการบริหารแล้ว เงินที่ได้จากการบริจาคเช่นนี้ จะได้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเช่นดังที่ทุกคนทราบว่าจะไป
ทำาอะไร มูลนิธิรับเงินไว้ก็เพื่อที่จะดำาเนินการได้
วันนี้ เป็นที่น่าพอใจมากที่ได้เห็นท่านทั้งหลายมาชุมนุมกันเพื่อแสดงในทางบรรเทาทุกข์แก่ประชาชน วันนี้เป็นวันที่การแสดงสนุกร่าเริง เพราะว่าเป็นการแสดง แต่ก็เห็นว่าทุกคนทำาด้วยจิตใจแข็งแรง
ตั้งอกตั้งใจมาก เป็นที่ชื่นชมมาก ว่าหน่วยอาสาสมัครทั้งหลายได้รับการอบรมแล้วได้ปฏิบัติในการแสดงนี้ด้วยความเข้มแข็ง เชื่อว่าจะปฏิบัติได้ในเมื่อมีความจำาเป็น การแสดงในวันนี้ มีทั้งหน่วยอาสาสมัคร
ทั้งหน่วยขององค์การต่างๆ ของเอกชน และของรัฐบาล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความร่วมมือระหว่างเอกชนกับทางราชการนี้มีความจำาเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าทางราชการก็มีหน้าที่โดยตรงแล้วที่จะช่วยผู้ที่เดือดร้อน
แต่ว่าทางราชการก็ทำาไม่ได้ เช่นเดียวกับงานทุกอย่างในประเทศ ทำาไม่ได้ถ้าเอกชนและประชาชนทั้งหลายไม่ร่วมมือ
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ นี้ ตั้งขึ้นก็ด้วยจุดประสงค์ที่จะช่วยทางราชการ ให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนได้เต็มที่และการที่ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนนี้ มีความหมายหลายอย่าง ความหมาย
ที่สำาคัญมีว่า เมืองไทยเราอยู่เป็นประเทศไทยได้ก็ด้วยความสามัคคี ใครเดือดร้อนก็ได้รับบรรเทาความเดือดร้อน นี่เป็นหลักสำาคัญของการปกครองของประเทศไทยมาแต่โบราณกาล ใครบอกว่าคนอื่นเดือดร้อนเราไม่รู้ด้วยไม่ได้ เพราะว่าเมืองไทยคนไทยเดือดร้อนแล้วคนหนึ่ง คนไทยทั้งหลายควรจะเดือดร้อนด้วยเป็นจุดประสงค์ของมูลนิธิที่จะแสดงให้เห็นว่าเมืองไทยเป็นเมืองไทย อีกข้อหนึ่ง ถ้าไม่คำานึงถึงข้อแรกนี้ก็ยังมีว่า คนเราไม่ทราบว่าเมื่อไหร่เราจะมีความเดือดร้อน ถ้าเรามีความเดือดร้อน เราก็อยากมีผู้อื่นมาช่วยเหลือบ้างเป็นธรรมดา แต่ในยามที่เราไม่มีความเดือดร้อน คนอื่นที่มีความเดือดร้อนก็คิดเช่นเดียวกันเราก็สมควรที่จะช่วยเขา ถ้าวันหนึ่งเราเกิดเดือดร้อนเขาก็จะช่วยเราเป็นหลักของการประกัน เรียกว่าเป็นหลักของการประกันภัย หรือประกันสังคมก็ได้ นี่ก็เป็นจุดประสงค์อีกอย่างหนึ่งของมูลนิธิ ถึงบอก
อยู่เสมอแก่ผู้ที่บริจาคเงินว่าเวลาที่มีเงินดีก็สมควรจะบริจาค เพราะว่าวันข้างหน้าอาจจะได้ผลจากที่เราบริจาค ถ้าเราเกิดเดือดร้อนขึ้น ขอไม่ให้เกิดขึ้น แต่ถ้าเกิดขึ้นจะได้มีผู้มาบรรเทาได้
สิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่งสำาหรับผู้ที่ริเริ่มมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ นี้ ก็คือ จะเห็นว่าตั้งแต่ตั้งมาตอนริเริ่มก็มีจุดประสงค์เท่านั้นเอง ยังไม่มีอะไรมาก แต่มาบัดนี้ได้เห็นว่า กำาลังทั้งหลายของมูลนิธิ
มีมากขึ้นมีกำาลังมากขึ้น คือ กำาลังเงินก็มีมากขึ้น เพราะมีทุนผู้ที่บริจาคมาเพื่อให้ดำาเนินการ แต่สำาคัญที่สุดคือกำาลังคนมีมากขึ้น เพื่อที่จะได้บรรลุถึงอุดมคติของมูลนิธิ กำาลังคนนั้นถ้าเป็นกำาลังคนเฉยๆ ก็ไม่พอต้องเป็นผู้ที่สามารถได้อาศัยผู้ที่อาสาสมัครทั้งนั้น ผู้ที่มาช่วยชี้แจงในหลักวิชาและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยนั้น นอกจากช่วยเรื่องเครื่องอุปโภคบริโภค ที่เป็นการช่วยเฉพาะหน้าเมื่อประสบภัยใหม่ๆ
แล้วมูลนิธิควรจะต้องหาทางช่วยเหลือเรื่องอาชีพต่อไปว่าจะทำาอย่างไรให้ราษฎรผู้ประสบภัยได้ทำามาหากินต่อไปได้ เช่น การช่วยราษฎรที่ถูกน้ำาท่วมเสียหายทำามาหากินไม่ได้ เมื่อน้ำาลดแล้วก็ต้องติดตาม
ช่วยเรื่องการประกอบอาชีพต่อไปตามสมควร เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิจะต้องคอยเป็นสื่อกลางระหว่างผู้ประสบภัยที่ต้องการช่วยเหลือกับหน่วยราชการหรือองค์การต่างๆ ที่จะให้ความช่วยเหลือด้วย
การหาทุนยิ่งมีมากก็ยิ่งดี แต่ต้องให้ผู้บริจาคเห็นคุณประโยชน์ของมูลนิธิ มูลนิธิต้องทำางานให้ประชาชนเห็นและให้เขาเสียสละด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่คิดเพียงหวังว่าจะโดยเสด็จพระราชกุศลเท่านั้น
เงินทุนที่มีมากขึ้นนั้น ก็ดีแล้ว ผลประโยชน์คือดอกเบี้ยก็มีมากขึ้น สามารถให้ความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นได้ แต่การขยายความช่วยเหลือเพิ่มมากขึ้นนั้น ต้องระวังอย่าให้เกิดรายได้จนต้องชักทุนให้
ร่อยหรอไป ต้องวางหลักเกณฑ์การสงเคราะห์ให้เหมาะสมกับรายได้และสงเคราะห์ให้ทั่วถึงกันด้วยกรรมการทั้งที่เป็นข้าราชการและพ่อค้า ตามปกติต่างก็มีหน้าที่ทำางานอยู่ในที่ต่างๆ กัน
การที่ได้มาร่วมเป็นกรรมการของมูลนิธินี้ก็เป็นการรวมกำาลัง รวมความคิด ช่วยกันทำางานของมูลนิธิทำาให้มั่นใจว่างานของมูลนิธิจะดำาเนินไปตามวัตถุประสงค์เป็นอย่างดีต่อไป ขอขอบใจทุกๆ คนที่ได้
ช่วยกันทำางานมาแล้ว และกรรมการชุดใหม่ที่จะทำางานต่อไป.
พระราชทานแก่ คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯและอาสาสมัครมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ